วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขัน ๕ เครื่องสักการะ

ขัน ๕ เครื่องสักการะ
           จากการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งงาน ในสารคดีวัฒนธรรมเรื่อง “เบิ่งภูไทกินดอง” ซึ่งเป็นพิธีการแต่งงานโดยมีพ่อล่ามแม่ล่าม ของคนภูไทอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร สิ่งที่ประทับใจและแปลกใจคือพานขัน ๕ ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเตรียมไปสู่ขอเจ้าสาวนั้น มีลักษณะประณีต สวยงาม แปลกตา เป็นการผสมผสานงานศิลปะ งานฝีมือจากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น เข้ากับความเชื่อแบบดั้งเดิมอย่างลงตัว ไม่มากไม่น้อยเกินไป เนื่องจากขัน ๕ ที่พบเห็นทั่วไปนั้น จะมีการจัดทำกันแบบง่าย ๆ ตามประสาชาวบ้าน โดยนิยมนำเทียนมาวางบนดอกไม้สีขาวอย่างละ ๕ คู่ วางไว้บนพานหรือจาน แต่ในการแต่งงานซึ่งเป็นวันพิเศษของลูกหลาน คนในครอบครัวรวมถึงญาติพี่น้อง ต่างมาช่วยกันจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ ใครมีฝีมือด้านไหนที่ว่าดีว่างามต่างถูกเชิญมาช่วยกัน ทำให้สิ่งของธรรมดาที่เคยเห็นกลับไม่ธรรมดา เมื่อถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างบรรจง เพื่อให้เกิดความประทับใจแก่ผู้รับ เมื่อเจ้าบ่าวถือขัน ๕ พร้อมขบวนแห่ขันหมากไปบ้านเจ้าสาว อีกฝ่ายย่อมมองเห็นถึงความตั้งใจ สาวจ้าวจะไปไหนเสีย ย่อมได้เป็นคู่เคียงเรียงหมอนกันแน่นอน
คำว่าขัน ๕ หรือ ขันธ์ ๕ ที่ถูกต้องจะใช้ ขัน ๕ หรือ ขันธ์ ๕ นั้นมีความหมายและที่มาหลายอย่างคือ ขันธ์ ๕ ในทางพระพุทธศาสนาอาจหมายถึง อินทรีย์สภาวธรรมการครองทุกข์ผ่าน รูปและนาม ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เป็นการรำลึกรู้อาศัย ขันธ์ทั้ง ๕ ที่ได้ครองดำรงอยู่นี้ จะเป็นไปเพื่อนำมาขัดเกลา เพื่อยกระดับจิตให้ใจให้สูงขึ้น แต่ในที่นี้จะขอใช้คำว่า ขัน ๕ เพื่อกล่าวถึงเครื่องสักการะ บูชา ยกย่อง ให้เกียรติ การจัดขัน ๕ แต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันไป
ขัน ๕ ในความหมายของชาวอีสานคือ การนำเทียนและดอกไม้ จำนวน ๕ คู่มาวางบนภาชนะ เช่น ขัน จาน หรือพาน ที่พบเห็นบ่อยใช้จะเพื่อกราบไหว้บูชาพระ ใช้ในการสู่ขอ การขอขมา หรือการกระทำที่ต้องมีผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง จะต้องจัดหาขัน ๕ มามอบให้ท่าน โดยการถือให้หันส่วนปลายของเทียนออกไปด้านหน้าแล้วยื่นถวายพระหรือมอบให้กับผู้ใหญ่ขัน ๕ นั้นจะสื่อถึงความเคารพ ความนอบน้อม ดอกไม้ที่ใช้ทำขัน ๕ นิยมใช้ดอกไม้สีขาวอันแสดงถึงความบริสุทธิ์ ถ้านำไปบูชาพระนิยมใช้ดอกพุด ถ้านำขัน ๕ ไปใช้ในการสู่ขอนิยมใช้ดอกรักสีขาว ในสมัยก่อนคนที่จะไปร่ำเรียนวิชา หรือว่าไปขอฝากตัวเป็นศิษย์กับผู้ใดต้องมีขัน ๕ ไปด้วยถ้าท่านรับขัน ๕ ไว้แสดงว่าท่านยินดีรับเป็นศิษย์ ในอดีตนั้นชาวภูไทส่วนใหญ่จะนับถือผีและมีของรักษา ยังไม่มีพระหรือศาสนาเข้ามา ในวันสำคัญจะมีการยกขัน ๕ ไปวางไว้บนหิ้งบูชาหรือห้องที่มีของรักษา เพื่อให้ผีบรรพบุรุษ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ปกปักรักษาคุ้มครองดูแลลูกหลานคนในครอบครัว
ขัน ๕ อาจสื่อความหมายแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดาบิดา คุณครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ หากยังระลึกถึงพระคุณทั้ง ๕ ประการนี้อยู่ หลายท่านเชื่อว่าจะทำให้เราไม่ตกต่ำ เพราะมีสิ่งที่ดีงามทั้ง ๕ ประการคุ้มครองเราอยู่ เมื่อเราได้รับขัน ๕ สิ่งที่ควรทำคือ นำไปตั้งหน้าองค์พระหรือหิ้งพระ ถ้าไม่มีก็ให้วางไว้บนหัวเตียง หลังตู้ โดยให้หันหน้าออกทางทิศที่เป็นมงคล อย่าวางไว้ปลายเท้าแม้จะสูงก็ตาม เราต้องหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิกรรมฐาน น้อมจิตระลึกถึงพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพียงตั้ง นะโม ฯ ๓ จบ และไม่ละเมิดศีล ๕ ความดีเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันอันตรายต่าง ๆ ให้เราได้
ในอดีตกว่าจะได้เทียนสักเล่มหนึ่งนั้นต้องทำเอง โดยนำขี้ผึ้งซึ่งได้จากรังผึ้ง นำมานวดบีบเข้ากับเส้นด้ายที่จะเอามาทำไส้เทียน แล้วตัดขนาดพอประมาณ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน ไม่ได้มีเทียนขายเป็นถุงหรือกล่องเหมือนยุคปัจจุบัน ดังนั้นเทียนจึงเป็นของหายากและมีคุณค่า จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งเป็นผู้รู้ในหมู่บ้านได้เล่าให้ฟังว่า ขัน ๕ ก่อนหน้านี้จะมีการออกแบบดัดแปลงรูปทรงอย่างไรนั้นไม่ชัดเจน อาจจะนำใบไม้ในป่ามาเย็บหรือกลัดด้วยไม้ทำเป็นกระทงเล็ก ๆ แล้ววางดอกไม้ไว้ด้านในเป็นเครื่องบูชา นอกจากเทียนจะเป็นของหายากในสมัยก่อน ดอกไม้ก็หายากพอ ๆ กัน เพราะมีแต่ดอกไม้ใบไม้ตามป่า ดังนั้นก่อนจะมาเป็นขัน ๕ ดังที่เห็นในยุคปัจจุบัน อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเครื่องสักการะมาหลายครั้งหลายครา แต่ในอดีตนั้นชาวบ้านจะใช้ดอกไม้ ๑ คู่มัดคู่กับเทียน ๑ คู่ไปเชิญหรือไปหาผู้ใหญ่ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติแล้ว ยุคต่อมาอาจจะมีการเพิ่มจำนวนเทียนและดอกไม้เพิ่มขึ้น หากย้อนหลังไปสัก ๕๐ ปีที่แล้ว ยังพบเห็นชาวบ้านนำกาบกล้วยตัดพอประมาณนำมาพับครึ่ง เย็บด้วยตอกยึดให้แน่น แล้วนำดอกไม้ไปวางไว้ข้างในและวางเทียนไว้บนดอกไม้ ถ้าต้องการให้สวยงามอาจใช้มีดเฉือนกาบกล้วยด้านหน้าให้เป็นรูปโค้งมองเห็นดอกไม้และเทียนด้านในชัดเจนขึ้น กรวยดอกไม้ที่ทำจากกาบกล้วยนี้จึงน่าจะอยู่ในยุคที่สอง
ยุคปัจจุบันผู้คนมีการเดินทางสัญจรไปมาสะดวกขึ้น จึงพบเห็นรูปแบบงานฝีมือที่สวยงามจากที่ต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบ เครื่องมือเครื่องใช้ก็มีมากขึ้น ทำให้เกิดการประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้จากงานใบตองที่สวยงามขึ้นมา ใบตองจึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานพิธีกรรมหลายอย่าง ดอกไม้และเทียนจึงถูกนำมาจัดวางบนขัน จานหรือพานตามลำดับของยุคสมัยและความเหมาะสม แต่ขันน่าจะภาชนะที่ใช้ในพิธีการมาก่อนภาชนะอย่างอื่น เพราะในอดีตนั้นชาวบ้านจะใช้หม้อดินในการทำอาหารถ้วยจานไม่มีก็อาจใช้ใบตอง ใช้กาบหอยแทนช้อน ต่อมาอาจมีการนำกะลามะพร้าวหรือไม้ไผ่ มาทำเป็นภาชนะเครื่องใช้ เมื่อถึงยุคโลหะจึงมีการนำเงินมาตีขึ้นรูปเป็นขันเงิน ขันเงินจึงถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับชาวบ้านในอดีต เมื่อนำดอกไม้และเทียนมาวางไว้ในขันจึงเรียกว่า ขัน ๕ ทำให้ขัน ๕ ซึ่งเป็นเครื่องสักการะ หรือของที่ใช้แสดงความเคารพ ความนอบน้อม แต่ขัน ๕ นั้นจะมีความประณีต สวยงาม เรียบง่าย แตกต่างกันไปแล้วแต่การใช้งาน
หากมีการกระทำที่ไม่ดี หรือมีสิ่งที่ไม่เหมาะสมจะต้องมีการเตรียมขัน ๕ ไปกราบไหว้ขอขมาลาโทษลุงตาพาข้าว หรือผู้หลักผู้ใหญ่ตามขั้นตอน ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กน้อยธรรมดา ทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายขัน ๕ นี้จึงเป็นสิ่งของธรรมดาที่ให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา และถ้าหากผู้ที่ถือมาใส่ความละเอียด ความประณีต ความตั้งใจเข้าไป ย่อมทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่เห็นถึงความตั้งใจจริงของผู้กระทำ
ขัน ๕ ที่มองเห็นในครั้งนี้ จึงทำให้เกิดความสะดุดตาและสะดุดความคิด ทำให้อยากทราบความเป็นมา วิธีการเตรียม วิธีการใช้ที่ถูกต้องเหมาะสมควรทำอย่างไร นี่เองคือจุดเริ่มต้นของคำถาม ที่ยังต้องหาคำตอบต่อไปไปเรื่อย ๆ ว่าแต่ละคนแต่ละพื้นที่ มีความคิดเห็นหรือความเชื่อในเรื่องนี้อย่างไร และขัน ๕ นี้จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะไปอย่างไรบ้าง ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับขัน ๕ นั้นจะยังมั่นคงเช่นเดิมหรือถูกลดความสำคัญ เป็นขั้นตอนที่ถูกลืมหรือไม่ในอนาคต

โดย..นางสาวรุจีรัตน์  แก้วคำแสน
โรงเรียนมัธยมวาริชภูมิ


1 ความคิดเห็น:

  1. เด็กรุ่นใหม่ (อายุ 30) แถวย่านบ้านผมแทบไม่รู้จัก ขัน 5 ของคุณครู สังคมควรนำสิ่งดีๆเหล่านี้กลับมายึดถือและปฏิบัติ เพราะมันเป็นความงดงามและเป็นเสน่ห์ของเรา ว่าตรงกันไหมคุณรุจีรัตน์ 0862492459

    ตอบลบ